บทความสุขภาพ
“น้ำเต้าหู้กับมะนาว” ยาอายุวัฒนะชั้นยอด ดื่มอย่างสม่ำเสมอร่างกายจะเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์
หลายคนลองแล้วได้ผลเกินคาด!!
สูตรของ
นพ.สมเกียรติ อธิคมชัยกุล สูตรนี้ นพ.สมเกียรติ อธิคมชัยกุล
ได้มีการทดลองมานานนับสิบปีและจดสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว
น้ำเต้าหู้กับมะนาวเมื่อนำมาผสมกันจะมีลักษณะข้นเหมือนโยเกิร์ต
มีส่วนผสมดังนี้ น้ำเต้าหู้ 150-200 cc
ผสมน้ำมะนาว 1 ลูกดื่มเป็นประจำทุกวันตอนเช้าก่อนอาหารวันละ
1 แก้วจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นต่อสุขภาพ
สรรพคุณ
1.ช่วยให้เส้นเลือดฝอยมีความยืดหยุ่นดีขึ้นไม่เปราะแตกง่ายช่วยป้องกันอาการเส้นเลือดตีบตันและเส้นเลือดแตกในสมองได้โดยวิตามินซีจากมะนาวมีประสิทธิภาพในการช่วยยืดหยุ่นของเส้นเลือดได้ดี
2.ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกายป้องกันโรคจากการติดเชื้อไวรัส
เช่น หวัด ไอเจ็บคอ โรคเริม งูสวัส
ซึ่งโรคเหล่านี้มักจะเป็นกับผู้มีภูมิต้านทานต่ำสูตรนี้ช่วยให้อาการของโรคไม่กำเริบรุนแรงได้
3.ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น
อวัยวะต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้น สมองแจ่มใส ร่างกายสดชื่นในผู้สูงอายุที่มีกาการเดินเซหรือมึนงงจะเห็นผลอย่างชัดเจนและยังช่วยบำรุงร่างกายในเวลาที่ต้องอดหลับอดนอน
ขับรถทางไกล
4.ช่วยซ่อมแซมและบำรุงเนื้อเยื่อต่างๆ
เนื่องจากมีโปรตีนจากถั่วเหลืองและเมื่อนำมาผสมรวมกันกับมะนาวจะทำให้เกิดสมดุลย์ของกรดด่างทำให้ร่างกายย่อยและดูดซึมได้ง่ายมีผลทำให้บาดแผลทุกชนิดหายเร็วขึ้นรากผมแข็งแรงผมหงอกกลับดำขึ้นได้
(ทดลองแล้ว) ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้และส่งผลให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นสมรรถภาพทางเพศดีขึ้น
5.ช่วยต้านอนุมูลอิสระเพราะมีวิตามินซีในมะนาวและมีสารไอโซฟาเวอร์นอยด์ในน้ำนมถั่วเหลือง
ถ้าดื่มเป็นประจำจะทำให้ร่างกายแข็งแรงป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
ในรายที่มีอาการต่อมน้ำเหลืองโตจากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเมื่อกินไปสักระยะหนึ่งต่อมน้ำเหลืองมีขนาดเล็กลงอย่างชัดเจน
ล่าสุดยังมีการแนะนำให้ผู้ป่วยโรคเอดส์ที่มีสุขภาพย่ำแย่ให้ลองดื่มน้ำนมถั่วเหลืองผสมน้ำมะนาวดังกล่าวทุกวัน 4 เดือนต่อมาสุขภาพของผู้ป่วยดีขึ้น ใบหน้าผ่องใสฝ้าจางหายไป ผมหนาดกดำขึ้น ฝ้าขาวที่ลิ้นหายไปหมด น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นถึง 10 กก. ผิวหนังเป็นปกติไม่เป็นแผลติดเชื้อสุขภาพโดยรวมเหมือนคนปกติทั่วไป อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ดังนั้นควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอและทำจิตใจให้สงบ เบิกบาน ไม่สะสมความเครียด ร่างกายก็จะห่างไกลจาก
ตีนกา รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงวัยและอายุซึ่งไม่ค่อยมีใครอยากให้เกิดขึ้นบนใบหน้าซักเท่าไรนัก
การกำจัดตีนกาสามารถทำได้หลายวิธี บางคนเลือกที่จะไปดึงหน้า ทำโบทอกซ์หรือร้อยไหม เรามีวิธีการขจัดรอยตีนกาแบบง่ายๆ
ดังนี้
การใช้น้ำมันมะพร้าวรับประทาน
ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะโดยผู้ใหญ่ให้รับประทานก่อนอาหารวันละ
1-3 ช้อนโต๊ะส่วนเด็กรับประทานวันละ
1-2 ช้อนชาโดยให้รับประทานทานทีละน้อยจนครบตามที่กำหนดแต่ละวัน
การใช้น้ำมันมะพร้าวทาผิว
น้ำมันมะพร้าวจะทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น ป้องกันรอยหมองคล้ำ ช่วยรักษาความชุ่มชื้น น้ำมันมะพร้าวจะทำให้ผิวเรียบเนียนริ้วรอยน้อยลงเมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง วิธีใช้ ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นแล้วบีบน้ำออกหยดน้ำมันมะพร้าว 2-3 หยดลงบนสำลีแล้วนำมาทาให้ทั่วใบหน้าโดยไม่ต้องล้างออกหรือผสมกับครีมบำรุงผิวหน้าหรือใช้น้ำมันมะพร้าวทาบางๆ แทนครีมบำรุงผิวหน้าเลยก็ได้
โรคเก๊าท์เกิดจากภาวะกรดยูริก
(uric acid) ในเลือดสูงติดต่อกันเป็นเวลานานจนเกิดเป็นผลึกสะสมอยู่ในข้อทำให้เกิดการอักเสบ
ปวดบวมอย่างรุนแรง ทั้งนี้กรดยูริกเปรียบเสมือนของเสียในร่างกายที่เหลือจากการกำจัดเซลล์ที่หมดอายุลงโดยร่างกายของแต่ละคนจะมีกรดยูริกอยู่ประมาณร้อยละ
80 ส่วนอีกร้อยละ 20 ได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ปัจจัยที่กระตุ้นให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงจนตกตะกอนเป็นผลึกได้แก่
- การรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์
อาหารทะเล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลฟรุกโตส
- อาการเจ็บป่วยที่มีผลต่อการสร้างเซลล์เพิ่มขึ้น เช่น โรคมะเร็ง
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) โรคสะเก็ดเงิน
- อาการเจ็บป่วยที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างกรดยูริกขึ้นมามากกว่าปกติ
ขณะเดียวกันก็ลดความสามารถในการกำจัดกรดยูริกออกจากร่างกาย เช่น โรคอ้วน
โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไต
- การใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลให้ไตขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะได้น้อยลง
น้ำผึ้งนั้นอร่อย หอม หวานเป็นที่โปรดปรานของหลาย
ๆ คนน้ำผึ้งมีประโยชน์ก็จริงแต่ถ้าหากว่าเราทานไม่ถูกที่ไม่ถูกเวลาบางทีมันก็ไม่มีประโยชน์แถมยังให้โทษอีกด้วย
น้ำผึ้งนั้นมีสรรพคุณที่โดดเด่นมาก ช่วยบำรุงกระเพาะอาหารและม้ามได้ดี ช่วยขับร้อนและช่วยทำให้ชุ่มคอช่วยลดอาการไอลงได้อีกด้วย
ข้อควรระวังในการกินน้ำผึ้ง
1.ไม่ควรกินในปริมาณที่มากเกินไปใน 1 วัน ควรกินเฉลี่ยวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะหรือประมาณ
20-50 กรัมต่อวัน
2.ผู้ป่วยเบาหวานห้ามกินเด็ดขาดเพราะน้ำผึ้งมีกลูโคสเยอะมากทำให้ระดับน้ำตาลใน
โลหิตสูง
3.ผู้มี่มีอาการผิวหนังอักเสบห้ามกิน
4. ถ้าต้องการกินแบบผสมน้ำอุ่นน้ำควรจะอุ่นแบบพอดี ๆ
5.ไม่ควรกินกับหัวหอมหรือกระเทียมจะทำให้ทำให้ประโยขน์ของน้ำผึ้งลดลง
กินน้ำผึ้งเวลาไหนดีต่อสุขภาพ
ควรกินก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงหากดื่มแบบผสมกับน้ำอุ่นจะมีฤทธิ์ในการช่วยยับยั้งการหลั่งของ
กรดในกระเพาะอาหารทำให้กรดเจือจางลง
ช่วยลดการระคายเคืองดังนั้นคนที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารควรทาน ถ้าทานผสมกับน้ำเย็นจะช่วยกระตุ้นการหลั่
งของกรดในกระเพาะอาหารและสำหรับคนที่นอนหลับยากให้ดื่มก่อนนอน
ไม่มีรายการสินค้ามนหมวดหมู่นี้.